มีนักเรียนหลายท่านถามผมว่า เรียนป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและ้ควรเรียนการใช้อาวุธ เช่น ยิงปืน ,ฟันดาบ หรืออื่นๆ อีกมั้ย(นี่คือคำถามก่อนเรียน) สำหรับคำตอบนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ถามเอง ครับว่าหลังจากที่เรียนไปแล้วรู้สึกเชื่อมั่น ในตนเอง มาก-น้อย เพียงใด...แต่สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาก็คือ...ปัจจุบันไม่เหมือนสมัยก่อน ดังนั้นการพกพา อาวุธสมัยนี้ เป็นสิ่งต้องห้าม และมีความผิดหากใช้โดยไม่ได้ รับอนุญาต เช่น การพกมีด หรือปืน ในที่สาธารณะปัจจุบัน ย่อมทำไม่ได้ แต่หาก
ท่านมีโอกาสได้เรียนการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าก่อน เพื่อให้รู้จักปัดป้อง หลบหลีก หรือฝึกจนกระทั่งชำนาญ ก็ยังไม่สายหากจะเรียนรู้เรื่องการใช้อาวุธมีด ,ปืนต่อไป ..ดังคำกล่าวที่ว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง"
สำหรับผมแล้ว เชื่อมั่นว่า อาวุธที่วิเศษที่สุด คือกาย และใจของเราเอง เพราะทั้ง 2 อย่างนี้ สามารถฝึกฝนพัฒนาได้ อย่างไม่มีขีดจำกัด สมัยโบราณญี่ปุ่น ถูกปลดอาวุธจากเหล่า นักล่าอาณานิคม แต่ก็มีเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ก็ไดพัฒนาตัวเอง จนเปรียบเสมือน มีร่างกายที่เป็นอาวุธ ได้ และไม่เพียงแค่ในญี่ปุ่น เกือบทุกประเทศได้ฝึกคนของตน ให้แกร่ง ดุจอาวุธ..
แต่ปัจจุบันบ้าน เมือง มีความปลอดภัย มากขึ้น แต่ละประเทศ จึงมีกฏหมายไม่ให้พกอาวุธ ในรูปลักษณะภายนอก เช่น ไม้ มีด ปืน เป็นต้น
แต่ก็ยังมีคนบางกล่มได้อาสัย ช่องว่างของกฏหมาย นี้เอาเปรียบผู้อื่น อยู่เนือง ซึ่งอาจจะมาในรูปของขโมยบ้าง, คนเมาบ้าง, นักเลงหัวไม้บ้าง แต่หากพิจารณาให้ดี คนเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไร กับคนทั่วไป ที่ไม่มีความรู้การป้องกันตัว แต่ชอบทำเสียงดังข่มขู่ หรือไม่ค่อยมีสติ และมักใช้กำลัง อย่างบ้าคลั่ง และนั่นคือ จุดอ่อน
ซึ่งเมื่อใครรู้จุดอ่อนนี้ ก็สามารถควบคุม คนเหล่านี้ได้ นั่นคือผู้บังคับใช้กฏหมาย นั่นเอง แต่ผู้ในกฏหมายควบคุม คนเหล่านี้ ก็ต้อง พึ่งพา อาวุธ เช่นปืน ไม้พลอง หรืออ้างกฏหมาย แต่
สำหรับคนทั่วไปไม่สามารถอ้างกฏหมาย กับผู้ที่นิยมกฏหมู่ได้ ดังนั้น สิ่งแรกที่คนทั่วไปสามารถทำได้ คือ การปกป้องสิทธิของตัวเอง เช่นการวิ่งหนี ,หลบหลีก, เลี่ยงไป แต่บางครั้งไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เมื่อภัยมาถึงตัว...สิ่งแรกที่จะปกป้องตัวเราได้จากผู้นิยมกฏหมู่แล้ว นั่นคือศิลปะป้องกันตัวด้วยมือเปล่า
การป้องกันตัวด้วยมือเปล่า เรียกได้ว่าเป็นอาวุธชิ้นที่2 ที่พระเจ้าประทานให้ เพราะอาวุธชิ้นแรกที่เราต้องใช้ในการป้องกันตัวนั่นคือ "สติ ปัญญา" แต่สำหรับคนบางกลุ่ม สิ่งนี้ม่สามารถใช้ได้ จึงต้องมีอาวุธชิ้นที่ 2 เพื่อการเอาตัวรอด และมีความจำเป็นที่ต้องใช้มากที่สุดนั่นคือ "ศิลปะการต่อสู่ป้องกันตัว" ซึ่งมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้นั่นเอง..
สรุปว่า ไม่ว่าจะเรียนอย่างไหน ก็ต้องรู้วิธีแก้ อย่างอื่นๆ ด้วย เช่น เรียนป้องกันตัวด้วยมือเปล่า ก็ต้องได้รับรู้ เรื่องการปลดอาวุธทั้งมีด ไม้ ปืน หรืออื่นๆ ด้วยเป็นต้น
ตอบลบ