สอนป้องกันตัว,เรียนป้องกันตัวด้วยมือเปล่า

สอนป้องกันตัว,เรียนป้องกันตัวด้วยมือเปล่า
หลักสูตรป้องกันตัว ที่มีผู้เรียนจากทั่วประเทศ ยอมเดินทางมาเรียน ที่ เวบฯ www.Nakzooh.com

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ถูกจับเป็นตัวประกัน หรือกรณีมีดจี้คอ จะทำอย่างไร (ป้องกันตัวจากมีด)

เมื่อหลายวันก่อน เห็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งผู้หญิง ถูกแฟน คลุ้มคลั่งใช้มีดจี้คอ จับเป็นตัวประกัน บ้าง ผู้โดยสาร รถแท็กซี่ถูก ยิง แล้วฆ่าหั่นศพ ด้วย....โอ้ย สารพัน อันตรายครับ เรียกได้ว่า ในแต่ละวัน จะมีอันตราย อยู่รอบตัวครับ แต่เหตุเหล่านั้น จะเกิด กับเราหรือไม่ ขึ้น อยู่กับหลายปัจจัย เช่น กายแต่งกาย โอกาส, สถานที่ อำนวยให้มิจฉาชีพ หรือ โจรมาน้อย เพียงใด แต่อย่ารอให้ภัยมาถึงตัวเลยครับ ...กันไว้ดีกว่า อย่างน้อย การรู้ศิลปะป้องกันตัวไว้บ้าง นิดๆ หน่อยๆ อาจช่วยให้ ชีวิตท่าน ปลอดภัยได้ อย่างน้อย ก็ทำให้สุขภาพ ที่ทั้งร่างกาย และจิตใจแข็งแรง ครับ...ผมได้ทำวีดีโอเกี่ยวกับการเอาตัวรอด กรณีถูกจับจี้ล็อค คอไว้ 2 กรณีคือ

1.กรณีที่มีผู้อื่น เช่น ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่คอย ช่วยเหลือ อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ

2.กรณี่ที่ไม่มีใคร คอยช่วยเหลือ ท่านในขณะเกิดเหตุ(คุณต้องฝึกจนเกิดความมั่นใจ ซึ่งใช้เวลาไม่นาน สำหรับผู้ที่มีความตั้งใจ)




การฝึกป้องกันตัวในชีวิตประจำวัน นั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยาก คือความจริงจัง เพราะมีจำนวนไม่น้อย ที่เรียนป้องกันตัว เพียงเพื่อความเท่ห์ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ ต่างๆ ขึ้น คนกลุ่มนี้ ไม่สามารถดูแล ตนเอง หรือคนที่รักได้เลย เพราะในชีวิตจริง การต่อสู้ป้องกันตัวนั้น ไม่มีกฏใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น สำหรับท่านที่เรียน เพื่อความเทห์ ท่านจะซวย ก็คราวนี้แหละ คิดง่ายๆ แค่ ให้ป้องกันตัว จากคนเมาให้ได้ก่อน ในเบื้องต้น

เพราะในความเป็นจริง การทะเลาะวิวาท ขณะเมา เกิดได้ง่าย มากครับ

สนใจเรียนป้องกันตัว กับทีมงาน Nakzooh.com
โทร.08-6573-0044 หรือ คลิก http://www.nakzooh.com/

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เป้าหมาย ที่ต้องการเรียนป้องกันตัวของคุณคือ อะไร?

...หลายคน ที่ติดต่อมายังผม เพื่อแจ้งว่าต้องการเรียนป้องกันตัว หรือต้องการให้คนที่ตัวเค้าห่วงใย เช่นลูก หรือน้อง เป็นต้น แต่สำหรับผม ในฐานะผู้สอนแล้ว สิ่งหนึ่ง ที่ผมจะถามกลับไปเสมอนั่นคือ..."คุณ หรือเค้า จริงจังรึป่าว มาก - น้อยแค่ไหน" หากเด็กเกินไป ผม ขออนุญาตไม่รับสอนนะครับ..


(การเอาตัวรอดในกรณีถูก จับเป็นตัวประกัน หรือมถูกมีดจี้คอ)

เหตุผลง่ายมากครับ เพราะการสอนป้องกันตัวให้กับผู้ที่ไม่คิด จะจริงจัง มีแต่จะทำให้สูญเปล่า เสียเงินทอง, เวลา, ความรู้สึก รวมถึงปิดกั้นโอกาสของผู้อื่น ซึ่งมีความตั้งใจกว่า แต่ยังขาดโอกาส และที่สำคัญ การป้องกันตัว สำหรับชีวิตจริงนั้น ผู้ที่จริงจังเท่านั้น จึงจะได้ความรู้ ความสามารถกลับไป สำหรับผู้อยากเท่ห์ อยากรู้....เป็น ทางทีมงาน จะไม่รับสอนเด็ดขาด...

การเรียนป้องกันตัวนั้น หากผู้ฝึก รู้เป้าหมายของตนเอง และมุ่งมั่นแล้ว ใช้เวลาในการฝึก 1-2วัน ก็คล่องแคล่วในระดับหนึ่งหละ แต่หากได้ทำบ่อยๆ ก็จะยิ่งชำนาญมากขึ้น การสอนของเรา ค่อนข้าง ดุดัน ไม่ตามใจ ผู้เรียนมากนัก เพราะเราในฐานะผู้มีประสบการณ์มากกว่า ย่อมทราบดีว่า... การฝึกฝนที่ดีต้องทำอย่างไร และผู้ฝึก จะเป็นอย่างไร..บางครั้งนักเรียนบางคน ตั้งความหวังไว้สูงเกินไป(สำหรับตัวเค้า ณ เวลานั้น)

เช่น เพิ่งมาฝึกวันแรก แต่บอกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คืออะไร บางคนตอบว่า "ต้องเอาตัวรอดได้ กรณีเกิดเหตุถูกจี้คอ " เป็นต้น

ถามว่าผิดมั้ย ที่ต้องความหวังไว้แบบนี้ คำตอบคือไม่ผิด และดีมาก หากมีความตั้งใจที่จะทำให้ได้เช่นนั้น..แต่สำหรับ ผู้ฝึกใหม่แล้ว "ต้องเอาตัวรอดได้ กรณีเกิดเหตุถูกจี้คอ " จะต้องประกอบด้วยทักษะหลายด้าน มาประกอบกัน เช่น

-การจับ บิด ล็อค,
-การปลดอาวุธ,
-การใช้ความได้เปรียบขอคู่ต่อสู้ให้เป็น
-การเตะ ชก ต่อย (หากต้องการเสริม ความดุดัน)
-การหลบหลีก หรือการทุ่ม หากจำเป็น

ซึ่งจากการจำแนก องค์ประกอบของเป้าหมายแล้ว สำหรับวันแรกของผู้ฝึกใหม่ อาจสูงเกินไปครับ แต่หากเปลี่ยนเป็น การล้ม เช่น วันแรก คุณต้องSafe ตนเองให้เจ็บตัวน้อยที่สุดจากการหกล้ม หรือถูกจับทุ่ม เป็นต้น
แบบนี้ น่าจะเหมาะสมกว่า จากนั้นเมื่อท่านมีความก้าวหน้าสูงขึ้น ก็สามารถ ประยุกต์ ความรู้ต่างๆเข้าไป เพื่อเป็นองค์ประกอบ ของการป้องกันตัวได้ นั่นเอง .."รู้เขา รู้เรา รบ 100ครั้ง ชนะทุกครั้ง" ผู้เก่งจริง ต้องไม่ตั้งตน อยู่ในความประมาท

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สถานที่เกิดเหตุของคุณคือที่ไหน?

ผมได้จัดหลักสูตรป้องกันตัวขึ้นมาขึ้นมารูปแบบหนึ่งนั่นคือ การไปสอนให้กับผู้สนใจศิลปะป้องกันตัวด้วยมือเปล่า ถึงที่พัก หรือที่ทำงานของผู้เรียน โดยตรง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เหตุผลง่ายมาก เพราะสถานที่เกิดเหตุ ของแต่ละคนแตกต่างกัน เช่นหากคุณเป็นนักเรียน นักศึกษา สถานที่เกิดเหตุของคุณ มักเป็นที่สถานศึกษา หรือสถานที่ใกล้เคียง แต่หากท่านเป็นจ้าของกิจการ สถานที่เกิดเหตุ ของคนกลุ่มนี้ ย่อมสถานที่ทำงาน หรือที่พัก ของเค้านั่นเอง.. ดังนั้นการป้องกันตัวในชีวิตจริงของแต่ละท่าน คือการเรียนรู้ และประยุกต์ใช้สภาพแวดล้อมใกล้ตัว ให้เป็นประโยชน์


นี่คือส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ทางทีมงาน ได้เข้มงวด กับผู้ฝึกมากกว่าการฝึกป้องกันตัวแบบทั่วๆไป อีกทั้งในชีวิตจริง หรือยามคับขัน ไม่มีใครช่วยท่านได้ นอกจากตัวเอง ดังนั้นการจริงจัง กับการฝึกืจะช่วยให้ท่านมั่นใจในตนเอง และสามารถใช้สติปัญญา และเทคนิคป้องกันตัว ช่วยให้ท่านแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ เพราะการป้องกันตัวที่แท้จริง ไม่ได้หมายถึงการใช้กำลังเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการใช้กำลังด้านเทคนิคป้องกันตัว สนับสนุนการสติปัญญา ไหวพริบ ในการแก้ปัญหาต่างหาก
ผมตระหนักดีว่า ผู้หญิง ยากนักหากต้องการชนะชาย หรือเด็ก จะชนะผู้ใหญ่ เป็นต้น แต่ด้วยหลักการแห่งความกลมกลืน หรือการยืมแรงของคู่ต่อสู้ โดยการใช้ความได้เปรียบของคู่ต่อสู้ ใช้ในการรับ - รุก จะสามารถทำให้ท่าน พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ แต่จะทำอย่างไรหละ คำตอบได้อยู่ที่มงานนักสู้ ดอทคอมแล้ว ร่วมหาคำตอบในการพลิกวิกฤติ ของท่านที่นี่...

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทำไมตำรวจ ทหาร รปภ. หรือเจ้าของกิจการ ต้องเรียนการป้องกันตัวด้วยมือเปล่า !!

สำหรับคำตอบในกรณีนี้ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพดังกล่าว ย่อมเข้าใจดีว่าความเข้าใจด้านการป้องกันตัวด้วยมือเปล่า สำคัญขนาดไหน...แต่สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว คงเป็นสิ่งที่ยังสงสัยอยู่.. เพราะอะไรหละ...ง่ายมากครับ เพราะ การใช้อาุวุธ หรือการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ นั้นมีความผิดตามกฏหมายครับ


ใช่ว่าการมีอาวุธมีด ปืน ไม้ อยู่ในครอบครองแล้ว จะหยิบใช้ได้เลยนะครับ ต้องได้รับอนุญาตก่อนเสมอ หรือมีความจำเป็นเท่านั้น แต่กว่าจะรู้ว่าสิ่งใดคือความจำเป็น ภัยก็อาจ มาถึงตัวซะแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ ช่วยให้ท่านปลอดภัยได้ทันที นั่นคือ "ตัวท่านเอง" เพราะตนย่อม เป็นที่พึ่งแห่งตน แต่จะทำไง หละ รัวหมัด ใส่เลยมั้ย(หากทำแบบนั้น มีหวังได้ขึ้นสวรรค์ก่อนแน่)...

เนื่องจากการป้องกันตัวด้วยมือเปล่านั้น เป็นวิธีการแรกที่ง่าย และเหมาะสม กับคำว่าป้องกันตัวในกรณีจำเป็น โดยมีกฏหมายให้การรับรอง ว่าสามารถกระทำได้เท่าที่จำเป็น แต่การยิงปืน, ฟัน แทงด้วยมีด หรือไม้ กฏหมายอาจมองว่า เกินกว่าเหตุได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้อ้างว่าป้องกันตัว อาจมีความผิดได้นั่นเอง
ซึ่งสำหรับผู้ที่ผ่านการฝึกต่อสู้ป้องกันตัวมาแล้ว อย่างเข้าใจ ย่อมเลือกได้ว่าควรจัดการปัญหาเฉพาะหน้าของตนอย่างไร เช่นอาจจะเลือกการปราม โดยการจับ บิด ล็อค หรือทุ่ม แทนการหัก หรืออาจเพียงแค่ปลดอาวุธ โดยใช้เทคนิคง่ายๆ ที่ผ่านการฝึกมา แล้วควบคุมผู้ร้ายส่งให้ เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป แต่หากคุณ

คุณเลือกรอให้เจ้าหน้าที่มาจัดการให้ บอกได้คำเดียวว่า นานๆ มาก เพราะทุกคนกลัวตายเหมือนกัน แต่เค้าไม่ได้อยู่ตรง จุดเกิดเหตุกับคุณ ดังนั้นใครหละจะช่วยคุณ ถ้าไม่ใช่ตัวคุณเอง...

การรู้จัก หลบ หรือปัดป้อง อย่างถูกวิธี จะช่วยให้หนักกลายเป็นเบาได้... คิดง่ายๆ ทำไมสมัยเด็ก เราถึงถูกสอนให้รู้จักการ ปฐมพยาบาล เบื้องต้น เพราะว่า กว่าหมอตัวจริงจะมาถึง มันนานๆ แต่ภัยร้าย ยังคงดำเนินอยู่ และนี่คือเหตุผลเดียวกันครับว่า ทำไมตำรวจ ทหาร รปภหรือเจ้าของกิจการ ต้องเรียนการป้องกันตัวด้วยมือเปล่า เพราะมันคือการป้องกัน หรือเตรียมพร้อม เพื่อลดความรุนแรงลง ก่อนที่ภัยจะมาถึงตัวนั่นเอง การป้องกันตัวนั้นง่าย แค่ตั้งใจ และมุ่งมั่น แม้ช่วงเวลาการฝึกที่สั้น ก็จะช่วยชีวิตคุณได้ เริ่มต้นฝึกตั้งแต่วันนี้ เพื่อความปลอดภัยในวันหน้า อย่างน้อยก็เพื่อสุขภาพของคุณเอง./ http://www.nakzooh.com/ โทร.08-6573-0044

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เรียนการป้องกันด้วยมือเปล่า VS เรียนการใช้อาวุธ?


มีนักเรียนหลายท่านถามผมว่า เรียนป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและ้ควรเรียนการใช้อาวุธ เช่น ยิงปืน ,ฟันดาบ หรืออื่นๆ อีกมั้ย(นี่คือคำถามก่อนเรียน) สำหรับคำตอบนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ถามเอง ครับว่าหลังจากที่เรียนไปแล้วรู้สึกเชื่อมั่น ในตนเอง มาก-น้อย เพียงใด...แต่สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาก็คือ...ปัจจุบันไม่เหมือนสมัยก่อน ดังนั้นการพกพา อาวุธสมัยนี้ เป็นสิ่งต้องห้าม และมีความผิดหากใช้โดยไม่ได้ รับอนุญาต เช่น การพกมีด หรือปืน ในที่สาธารณะปัจจุบัน ย่อมทำไม่ได้ แต่หาก


ท่านมีโอกาสได้เรียนการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าก่อน เพื่อให้รู้จักปัดป้อง หลบหลีก หรือฝึกจนกระทั่งชำนาญ ก็ยังไม่สายหากจะเรียนรู้เรื่องการใช้อาวุธมีด ,ปืนต่อไป ..ดังคำกล่าวที่ว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง"

สำหรับผมแล้ว เชื่อมั่นว่า อาวุธที่วิเศษที่สุด คือกาย และใจของเราเอง เพราะทั้ง 2 อย่างนี้ สามารถฝึกฝนพัฒนาได้ อย่างไม่มีขีดจำกัด สมัยโบราณญี่ปุ่น ถูกปลดอาวุธจากเหล่า นักล่าอาณานิคม แต่ก็มีเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ก็ไดพัฒนาตัวเอง จนเปรียบเสมือน มีร่างกายที่เป็นอาวุธ ได้ และไม่เพียงแค่ในญี่ปุ่น เกือบทุกประเทศได้ฝึกคนของตน ให้แกร่ง ดุจอาวุธ..
แต่ปัจจุบันบ้าน เมือง มีความปลอดภัย มากขึ้น แต่ละประเทศ จึงมีกฏหมายไม่ให้พกอาวุธ ในรูปลักษณะภายนอก เช่น ไม้ มีด ปืน เป็นต้น
แต่ก็ยังมีคนบางกล่มได้อาสัย ช่องว่างของกฏหมาย นี้เอาเปรียบผู้อื่น อยู่เนือง ซึ่งอาจจะมาในรูปของขโมยบ้าง, คนเมาบ้าง, นักเลงหัวไม้บ้าง แต่หากพิจารณาให้ดี คนเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไร กับคนทั่วไป ที่ไม่มีความรู้การป้องกันตัว แต่ชอบทำเสียงดังข่มขู่ หรือไม่ค่อยมีสติ และมักใช้กำลัง อย่างบ้าคลั่ง และนั่นคือ จุดอ่อน
ซึ่งเมื่อใครรู้จุดอ่อนนี้ ก็สามารถควบคุม คนเหล่านี้ได้ นั่นคือผู้บังคับใช้กฏหมาย นั่นเอง แต่ผู้ในกฏหมายควบคุม คนเหล่านี้ ก็ต้อง พึ่งพา อาวุธ เช่นปืน ไม้พลอง หรืออ้างกฏหมาย แต่
สำหรับคนทั่วไปไม่สามารถอ้างกฏหมาย กับผู้ที่นิยมกฏหมู่ได้ ดังนั้น สิ่งแรกที่คนทั่วไปสามารถทำได้ คือ การปกป้องสิทธิของตัวเอง เช่นการวิ่งหนี ,หลบหลีก, เลี่ยงไป แต่บางครั้งไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เมื่อภัยมาถึงตัว...สิ่งแรกที่จะปกป้องตัวเราได้จากผู้นิยมกฏหมู่แล้ว นั่นคือศิลปะป้องกันตัวด้วยมือเปล่า
การป้องกันตัวด้วยมือเปล่า เรียกได้ว่าเป็นอาวุธชิ้นที่2 ที่พระเจ้าประทานให้ เพราะอาวุธชิ้นแรกที่เราต้องใช้ในการป้องกันตัวนั่นคือ "สติ ปัญญา" แต่สำหรับคนบางกลุ่ม สิ่งนี้ม่สามารถใช้ได้ จึงต้องมีอาวุธชิ้นที่ 2 เพื่อการเอาตัวรอด และมีความจำเป็นที่ต้องใช้มากที่สุดนั่นคือ "ศิลปะการต่อสู่ป้องกันตัว" ซึ่งมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้นั่นเอง..

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อยากไปริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ มัสยิด บ้านท่าอิฐ นนทบุรี


เช้าตรู่ของวัน อาทิตย์ ที่ 4-10-2552 ผมอยากพิสูจน์ตัวเองว่า ระหว่างความมุ่งมั่น กับความทนทานของร่างกาย อย่างไหนจะแน่กว่ากัน..
และผมก็ได้คำตอบแล้วว่า ระยะทางไป-กลับกว่า 90กม.,ความเหน็ดเหนื่อย, ความโดดเดี่ยว ความท้อแท้ ที่ถาโถมเข้า เพื่อพยายามทำลาย ความมุ่งมั่นของผมอยู่ตลอดเวลา ก็มิอาจทำลายความมุ่งมั่นของผมได้
(เดิมทีคิดว่าจะไปชมเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ) แต่มีคนแนะนำที่รู้จัก แนะนำว่า หากไปที่นั่น คนเดียว ด้วยรถจักรยาน รถอาจจะหายได้ เพราะจุดท่องเที่ยว ต้องจอดรถไว้แล้ว ต้องเดินไปกว่าเกือบ กิโลเมตร..ซึ่งพอคิดดูแล้ว น่าจะไม่คุ้ม เพราะก่อนนี้ จักรยาน ได้หายไปแล้ว 2คัน ด้วยเหตุนี้ การเดินทางจึงเริ่มขึ้นตอน 06.00น. จากบางกะปิ----> เป้าหมายคือ มัสยิดบ้านท่าอิฐ
ระหว่างการเดินทางก็ พบกับเพื่อนนักปั่น 2-3 ท่าน รวมถึงบางกลุ่มที่ กำลังเดินทางไปทริป ที่ไหนสักแห่ง(ไม่ได้ทักทายกัน เพราะอยู่คนละฝั่งถนน)
กว่าจะถึงที่หมาย ก็เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อยทีเดียว เพราะการปั่นคนเดียวนั้น หากไม่มีเป้าหมายหรือจิตใจที่มุ่งมั่นพอ ผมเชื่อได้เลยว่า อาจทำให้คุณ ม้วนเสื่อกลับบ้านได้ง่ายๆ แต่มันไม่ใช่สำหรับผม...
การล้มเลิกสำหรับผม มีเพียงสิ่งเดียวคือ ความตั้งใจเลิก แต่ไม่ใช่ จากอุปสรรค ที่ต้องพบเจอระหว่างการเดินทางอย่างแน่นอน และนี่คือสิ่งที่ รอที่จะทำลายความโลเล หรือไม่มุ่งมั่นเพียงพอ และมันจะทำลายคุณได้เสมอ..
ผมไปถึงมัสยิดบ้านท่าอิฐ เวลา 08.00น. โดยประมาณ จากนั้นผมก็ เริ่มทำตัวเหมือนคนที่นั่น ดั่งคำว่า"เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม"
ก็จอดรถ และทานมื้อเช้าเป็นโจ๊กไก่ ชามละ 10บาท อิ่มอร่อยตาม อรรถภาพ...จากนั้นก็เริ่มทักทายชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่เดินไป-มา แถวนั้น ตามมารยาท ที่ผู้น้อย ควรกระทำ เสร็จแล้วก็ไปนั่งถ่ายรูป และผ่อนคลายที่ท่าน้ำของมัสยิดท่าอิฐ ซึ่งอยู่ติดกับ แม่น้ำเจ้าพระยา ได้รู้จักกับคุณลุง(แช หวัง)
ระหว่างพูดคุยกัน คุณลุงก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อน(ปี พศ. 24xx) ชุมชนที่นี่ มีแต่น้ำ และผู้ที่อยู่ส่วนมากก็เป็นชาวไทยมุสลิม จากภาคใต้ ซึ่งพูดภาษามาลายู เป็นหลัก แต่ปัจจุบัน มีแต่เด็กรุ่นใหม่ที่พูดมาลายู ไม่ค่อยได้แล้ว คุณลุง ใจดีมาก ชวนผมคุย และเล่าให้ฟังหลายเรื่อง..อ้อ.ลืมบอกไปว่า มัสยิดท่าอิฐ นั้น สมารถนั่งเรือข้าฝากไปปั่น จักรยาน ที่เกาะเกร็ดได้ครับ แต่เรือมีน้อย ต้องรอสักหน่อย อีทั้งผมเองก็ เคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งด้วยการนั่งเรือผ่านเห็นมัสยิดแล้ว ประทับใจครับสวย สงบน่ามา ละหมาดสักครั้ง จากนั้ไม่นาน ผม ก็ขับรถยนต์มา ละหมาดที่นี่...แต่
ครั้งนี้ผมปั่นจักรยานมา เพื่อพิสูจน์ตัวด้วย และด้วยความอยากรู้ว่า ความรู้สึกนั้นจะต่างกันมั้ย อย่างไร และผมก็ได้รู้แล้ว และนี่คือ "ชัยชนะ ก้าวสั้นๆ" ที่ผมเอาชนะใจ ตนเองได้ เพราะชัยชนะใดไม่สำคัญ เท่ากับชนะใจตนเอง....ขอบคุณที่ติดตาม ..อัสลา มูอาลัยกุม(ขอความสุข ความสันติ จงมีแด่ท่าน) www.Nakzooh.com

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เรียนการป้องกันด้วยมือเปล่าดีอย่างไร เหมาะกับใคร?




บ่อยครั้งที่เราเห็นข่าว เศร้า ตามหน้าหนังสือพิมพ์ และจะยิ่งเศร้ากว่านั้น หากข่าวนั้นเกิดขึ้นกับคุณ หรือคนใกล้ตัว ล่าสุดผม เห็นข่าว " พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่ง ถูกคนร้าย ซึ่งเมา และทำร้าย ฆ่า-ข่มขืนเธอ " ด้วยเหตุเพียง ..ขอเงินค่ารถโดยสาร แล้วผู้เสียหายไม่ให้... ด้วยความโกรธของมัน... จึงเลือกเธอเป็นเหยื่อ ในการบำบัดอารมณ์...
หากถามว่า ทำไมคนเมา ซึ่งแค่ประคองตัวเอง ให้ยืนนิ่งๆ ตัวเองให้ตรง ก็แทบทำไม่ได้อยู่ แล้ว ถึงมี อำนาจครอบงำ จิตใจของผู้อื่นได้มากขนาดนี้.......คำตอบง่ายๆ เพราะคนเราอ่อนแอเกินไป ทำไมผมจึงพูดเช่นนั้น


เคยสังเกตุมัยครับว่า...ใครคือเหยื่อ ของเหล่ามิจฉาชีพ หรือคนร้าย คนเหล่านี้ใช่หรือไม่...ผู้หญิง,คนป่วย,คนชรา,เด็ก (รวมทั้งชาย และหญิง) ทำไมหละ เพราะคนร้ายนั้นรู้ว่า ตัวเองอ่อนแอ จึงมองหาเหยื่อ ที่อ่อนแอ กว่า

แล้ว..เรียนการป้องกันด้วยมือเปล่าดีอย่างไร เหมาะกับใคร? ก็เหมาะกับผู้ที่คิดว่า ไม่ต้องการเป็นผู้ที่อ่อนแอ นั่นเอง
หลายคนที่ติดต่อมาทางทีมงานนักสู้ดอทคอม http://www.nakzooh.com/ ว่าต้องการเรียนป้องกันตัว ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ซะ 75 % โดยประมาณ

แต่การเรียนป้องกันตัว ด้วยมือเปล่าสำหรับผู้หญิง มีอุปสรรค อย่างหนึ่ง นั่นคือความกล้า ไม่มีเพียงพอที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด จึงทำให้การฝึกฝนไม่มีประสิทธิภาพ เท่าที่ควร ซึ่งตรงจุดนี้ มีเพียงแค่ สิ่งเดียว ที่อยู่ระหว่างความกล้า กับความเด็ดขาด หรือความมุ่งมั่น นั่นคือ"ความจริง"
ทำไมละครับ เพราะความจริงนั้น หากใครที่ยังไม่ประสบกับเหตุการเฉียดใด สักอย่าง แล้ว ละก็ บุคคล คนนั้นมักไม่มีความ มุ่งมั่น อย่างเต็มร้อยแน่นอน... ดังคำกล่าวที่ว่า "หากไม่เคยจน ใยเลยจะเข้าใจถึงหัวอกคนจน หากไม่เคยเจ็บ ใยเลยจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดนั้นได้ " แต่..
บางสิ่งบางอย่างนั้น ท่านไม่ต้องรอให้เจ็บ หรือพิสูจน์ใดๆ อีก โดยเฉพาะเรื่องการฝึกป้องกันตัวด้วยมือเปล่า...

การฝึกป้องกันตัวนั้น... สำหรับการป้องกันตัวแล้ว ผู้ฝึกก็จะได้ใช้สำหรับปกป้องกันตัวเอง และคนที่ท่านรัก หรือผู้อื่น แต่ระหว่างการฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวนั้น ผู้ฝึกจะได้รับประโยชน์มากมาย ทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น

ประโยชน์ของการฝึกศิลปะป้องกันตัว :

-ด้านร่างกาย เช่น จะช่วยให้ท่านแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย รูปร่าง และบุคลิกภาพดี

-ด้านจิตใจ เช่น จะช่วยให้ท่านมีสติ สมาธิดี หนักแน่น มั่นคง และกล้าตัดสินปัญหาเฉพาะหน้า ได้อย่างดี และเด็ดขาด รวมถึงมีความกล้า ในการเผชิญหน้า กับอุปสรรค ความท้าทาย ต่างๆ อย่างมีสติ ได้ด้วยตัวท่านเอง(นี่คือสิ่งสำคัญ ที่ผู้ฝึกศิลปะป้องกันตัวด้วยมือเปล่า) จะมี ในสิ่งที่ผู้อื่น ไม่มี ซึ่งสิ่งนี้ อาจเป็นเครื่องมือสำคัญให้ท่าน ได้ใช้ เพื่อปกป้องสิ่งที่ท่านรัก ได้ในอนาคต...

ทีมงานนักสู้ดอทคอม :

มีความสำคัญอย่างไร ...ทีมงานนักสู้ดอทคอม ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันตัวด้วยมือเปล่า และเคยผ่านช่วงของความเลวร้ายมาหลายครั้ง...จึงย่อมเข้าใจดีว่า จะทำอย่างไรให้ผู้ที่ฝึกการป้องกันตัว ได้รับประโยชน์สูงสุด และมีความมั่นใจในสิ่งที่ฝึกฝน... เราคือเครื่องมือ ที่จะเป็นฟันเฟือง ชิ้นสำคัญ ที่จะทำให้ท่าน เอาชนะความตั้งใจ ไปสู่ความสำเร็จของท่านให้จงได้...ขอเพียงแค่ท่าน กล้าพอที่จะปรึกษาทีมงานนักสู้...
เราจะทำให้ท่านบรรลุความสำเร็จ ดั่งตั้งใจ โทร.08-6573-0044 http://www.nakzooh.com/
(อุปสรรคของความสำเร็จ คือตัวท่านเอง)